วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

แนะนำการใช้งาน CCleaner

Week 8 : แนะนำการใช้งานโปรแกรม

          Hello!!! My friend อย่างที่รู้ๆกัน ผมจะมาแนะนำโปรแกรมหนึ่งที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ^^

แต่สำหรับใครที่ไม่รู้จักก็มารับชมกันว่าโปรแกรมนี้คืออะไร -0-




          สำหรับเหตุผลที่ผมเลือก CCleaner มารีวิว เพราะเป็นแอพที่มีชื่อเสียงบนคอมพิวเตอร์ Windows และจากการใช้งานจริงบนมือถือ แอพนี้ทำงานได้ดี ฟรี และ ไม่มีโฆษณา โปรแกรมนี้รองรับทั้ง Android , ios , Windows และ Mac ผมชอบมากๆเลยล่ะ กดไลค์เลยๆ อิอิ ^^

CCleaner ทำหน้าที่อะไร ? 

          CCleaner  ทำหน้าที่ค้นหาและลบไฟล์ชั่วคราวรวมทั้งขยะที่โปรแกรมต่างๆ ทิ้งไว้ในเครื่องได้อย่างหมดจด *0* 

ปลอยภัยหรือป่าว ?

          ก่อนการลบไฟล์หรือค่าต่างๆ ในเครื่ือง CCleaner จะตรวจสอบก่อนว่าเป็นไฟล์ที่ไม่จำเป็นจริงๆ ทำให้ไม่ต้องห่วงว่าโปรแกรมจะลบไฟล์สำคัญๆ ของเครื่องไป CCleaner เป็นโปรแกรมที่สะอาด ไม่มี Spyware หรือ Adware ใดๆทั้งสิ้น

มีหลายภาษาด้วยนะ ^w^

            CCleaner รองรับการใช้งานได้ถึง 35 ภาษา แม้จะยังไม่มีภาษาไทยก็ตาม ภาษาที่รองรับมีดังนี้คือ English, Albanian, Arabic, Bosnian, Bulgarian, Catalan, Chinese (Simplified), Chinese (Traditional), Czech/Slovak, Danish, Dutch, Finnish, French, Galician, German, Greek, Hebrew, Hungarian, Italian, Japanese, Korean, Lithuanian, Macedonian, Norwegian, Polish, Portuguese, Portuguese (Brazilian), Romanian, Russian, Serbian Cyrillic, Serbian Latin, Slovak, Spanish, Swedish and Turkish.

งั้นเรามาลบไฟล์ขยะด้วย CCleaner กันดีกว่าาา!!!!



                                            1.  เปิดแอพขึ้นมาแล้วกด "วิเคราะห์"

CCleaner



2.  กดเลือกไฟล์ที่ต้องการลบ แล้วกด "ล้าง"

CCleaner


ไฟล์ขยะที่เหลือก็จะหายไป!!!!

โอ้โหหห~ สุดยอดป่าวๆ 555555


แล้วคุณสมบัติอื่นๆล่ะ!!!??

1.  ใช้ดูข้อมูลระบบของเครื่อง

CCleaner



2. ใช้ลบแอพ 0.0

CCleaner



3.  สามารถเพิ่มเป็นวิดเจทบนหน้าจอ โดยกดครั้งเดียวแอพจะลบแคช คลิปบอร์ด ประวัติ ท่องเว็บ และเคลียร์แรม (ว่าใช้ง่ายแล้ว มีวิดเจทยิ่งง่ายกว่า โอ้โหหหห!!!!)

CCleaner

เป็นไงกันบ้างครับสำหรับโปรแกรมนี้ๆ ^^

ชอบโปรแกรมนี้เหมือนผมหรือป่าว?? (ถ้าชอบแสดงว่าใจเราตรงกันน้าา -///-)

ใครมีความคิดเห็นอะไรก็อย่าลืมมาแนะนำหรือแสดงความคิดเห็นข้างล่างกันเลยย






อ้างอิง  :  http://www.trendypda.com/modules/news/article.php?storyid=604

                http://android.maahalai.com/2015/03/review-ccleaner-delete-file/







           



วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คอมและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

Week 7 : คอมและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์



คอมพิวเตอร์ 
           
         คอมพิวเตอร์มาจากภาษาละตินว่า Computare ซึ่งหมายถึง การนับ หรือ การคำนวณ  พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า "เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์" คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ ในด้านการคิดคำนวณและสามารถจำข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป  นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้

เครือข่ายคอมพิวเตอร์

    เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (computer network) เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงเข้าด้วยกันเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลทรัพยากรร่วมกันได้ เช่น สามารถใช้เครื่องพิมพ์ร่วมกัน สามารถใช้ฮาร์ดดิสก์ร่วมกัน แบ่งปันการใช้อุปกรณ์อื่นๆ ที่มีราคาแพงหรือไม่สามารถจัดหาให้ทุกคนได้แม้กระทั่งสามารถใช้โปรแกรมร่วมกันได้เป็นการลดต้นทุนขององค์กรเครือข่ายคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทตามพื้นที่ที่ครอบคลุมการใช้งานของเครือข่าย ดังนี้

    1) เครือข่ายส่วนบุคคล หรือแพน (Personal Area Network : PAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้ส่วนบุคคล เช่น การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มือถือ การเชื่อมต่อพีดีเอกับเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งการเชื่อมต่อแบบนี้จะอยู่ในระยะใกล้ และมีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย


    2) เครือข่ายเฉพาะที่ หรือแลน (Local Area Network: LAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เช่น ภายในบ้าน ภายในสำนักงาน และภายในอาคาร สำหรับการใช้งานภายในบ้านนั้นอาจเรียกเครือข่ายประเภทนี้ว่า เครือข่ายที่พักอาศัย (home network) ซึ่งอาจใช้การเชื่อมต่อแบบใช้สายหรือไร้สาย



    3) เครือข่ายนครหลวง หรือแมน (Metropolitan Area Network : MAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้เชื่อมโยงแลนที่อยู่ห่างไกลออกไป  เช่น  การเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างสำนักงานที่อาจอยู่คนละอาคารและมีระยะทางไกลกัน  การเชื่อมต่อเครือข่ายชนิดนี้อาจใช้สายไฟเบอร์ออพติก หรือบางครั้งอาจใช้ไมโครเวฟเชื่อมต่อ เครือข่ายแบบนี้ใช้ในสถานศึกษามีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเครือข่ายแคมปัส (Campus Area Network: CAN


    4) เครือข่ายวงกว้าง หรือแวน  (Wide Area Network: WAN)  เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมโยงกับเครือข่ายอื่นที่อยู่ไกลกันมาก เช่น เครือข่ายระหว่างจังหวัด หรือระหว่างภาครวมไปถึงเครือขายระหว่างประเทศ




1. ลักษณะของเครือข่าย ในการใช้งานเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ทรัพยากรร่วมกันสามารถแงลักษณะของเครือข่ายตามบทบาทของเครื่องคอมพิวเตอร์ในการสื่อสารได้ดังนี้

    1) เครือข่ายแบบรับ-ให้บริการหรือไคลเอนท์/เซิร์ฟเวอร์ (client-server network) จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นเครื่องให้บริการต่างๆ  เช่น  บริการเว็บ  และบริการฐานข้อมูล  การให้บริการขึ้นกับการร้องขอบริการจากเครื่องรับบริการ  เช่น  การเปิดเว็บเพจ  เครื่องรับบริการจะร้องขอบริการไปที่เครื่องบริการเว็บ  จากนั้นเครื่องให้บริการเว็บจะตอบรับและส่งข้อมูลกลับมาให้เครื่องรับบริการ ข้อดีของระบบนี้คือสามารถให้บริการแก่เครื่องรับบริการได้เป็นจำนวนมาก  ข้อด้อยคือระบบนี้มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและการบำรุงรักษาค่อนข้างสูง  ตัวอย่างเครือข่ายแบบรับ-ให้บริการ 



   2) เครือข่ายระดับเดียวกัน (Peer-to-Peer network : P2P network) เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเป็นได้ทั้งเครื่องให้บริการและเครื่องรับบริการในขณะเดียวกัน การใช้งานส่วนใหญ่มักใช้ในการแบ่งปันข้อมูล เช่น เพลง ภาพยนตร์ โปรแกรม และเกม เครือข่ายแบบนี้เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตการใช้งานจะมีซอฟต์แวร์เฉพาะ เช่น โปรแกรม eDonkey, BitTorrent และ LimeWire ข้อดีของระบบแบบนี้คือง่ายต่อการใช้งาน และราคาไม่แพง ข้อด้อยคือไม่มีการควบคุมเรื่องความปลอดภัย จึงอาจพบว่าถูกนำไปใช้ประโยชน์ในทางไม่ถูกต้อง เช่น การแบ่งปันเพลง ภาพยนตร์ และโปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ตัวอย่างเครือข่ายระดับเดียวกัน 



2. รูปร่างเครือข่าย การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์รับส่งข้อมูลที่ประกอบกันเป็นเครือข่ายที่มีการเชื่อมโยงถึงกันในรูปแบบต่างๆ ตามลักษณะทางกายภาพที่เรียกว่ารูปร่างเครือข่าย (network topology) โดยทั่วไปรูปร่างเครือข่ายสามารถแบ่งออกตามลักษณะของการเชื่อมต่อได้ 4 รูปแบบคือ

    1) เครือข่ายแบบบัส (bus topology) เป็นรูปแบบที่มีโครงสร้างไม่ยุ่งยาก สถานีทุกสถานีในเครือข่ายจะเชื่อมต่อเข้ากับสายสื่อสารหลักเพียงสายเดียวที่เรียกว่า บัส (bus) การจัดส่งข้อมูลลงบนบัสจึงไปถึงทุกสถานีได้ ซึ่งการจัดส่งวิธีนี้ต้องกำหนดวิธีการที่จะไม่ให้ทุกสถานีส่งข้อมูลพร้อมกันเพราะจะทำให้เกิดการชนกัน (collison) ของข้อมูล โดยวิธีการที่ใช้อาจเป็นการแบ่งช่วงเวลาหรือให้แต่ละสถานีใช้คลื่นความถี่ในการส่งสัญญาณที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามเครือข่ายแบบบัส ไม่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบัสเพียงจุดเดียวก็จะส่งผลให้ทุกอุปกรณ์ไม่สามารถสื่อสารถึงกันได้เลย รูปร่างเครือข่ายแบบบัส 



    2) เครือข่ายแบบวงแหวน (ring topology) เป็นการเชื่อมแต่ละสถานีเข้าด้วยกันแบบวงแหวน สัญญาณข้อมูลจะส่งอยู่ในวงแหวนไปในทิศทางเดียวกันจนถึงผู้รับ หากข้อมูลที่ส่งเป็นของสถานีใด สถานีนั้นก็รับไว้ ถ้าไม่ใช่ก็ส่งต่อไป ซึ่งระบบเครือข่ายแบบวงแหวนนี้ สามารถรองรับจำนวนสถานีได้เป็นจำนวนมาก ข้อด้อยของเครือข่ายแบบวงแหวน คือ สถานีจะต้องรอจนถึงรอบของตนเอง ก่อนที่จะสามารถส่งข้อมูลได้ รูปร่างเครือข่ายแบบวงแหวน 




    3) เครือข่ายแบบดาว (star topology) เป็นการเชื่อมต่อสถานีในเครือข่าย โดยทุกสถานีจะต่อเข้ากับหน่วยสลับสายกลาง เช่น ฮับ (hub) หรือสวิตซ์ (switch) ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อระหว่างสถานีต่างๆ ที่ต้องการติดต่อกัน ของดีของการเชื่อมต่อแบบดาว คือ ถ้าสถานีใดเสีย หรือสายเชื่อมต่อระหว่างฮับ/สวิตซ์กับสถานีใดชำรุด ก็จะไม่กระทบกับการเชื่อมต่อของสถานีอื่น ดังนั้นการเชื่อมต่อแบบนี้จึงเป็นที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน รูปร่างเครือข่ายแบบดาว 



    4) เครือข่ายแบบแมช (mesh topology) เป็นรูปแบบของการเชื่อมต่อที่มีความนิยมมากและมีประสิทธิภาพสูงเนื่องจากถ้ามีเส้นทางของการเชื่อมต่อคู่ใดคู่หนึ่งขาดจากกัน การติดต่อสื่อสารระหว่างคู่นั้นยังสามารถติดต่อได้โดยอุปกรณ์จัดเส้นทาง (router) จะทำการเชื่อมต่อเส้นทางใหม่ไปยังจุดหมายปลายทางอัตโนมัติ การเชื่อมต่อแบบนี้มักนิยมสร้างบนเครือข่ายแบบไร้สาย รูปร่างเครือข่ายแบบแมช 




อ้างอิง : http://www.jinan.co.th/computer.html
              https://sites.google.com/site/kruyutsbw/4-4-kherux-khay-khxmphiwtexr
             ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ ^^

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิเคราะห์ข้อสอบ O-net คอมพิวเตอร์

Week 6 : วิเคราะห์ข้อสอบ O-net คอมพิวเตอร์




1.  ความละเอียดของจอภาพสามารถบอกได้ด้วยปัจจัยในข้อใด ( ปี 2550 )

1.  CRT
2.  Dot pitch
3.  Refresh rate
4.  Color quality

เฉลย  2

Dot pitch คือ ระยะห่างระหว่างพิกเซลหรือระยะห่างระหว่างจุดสี ถ้าระยะห่างน้อย ด็อดมีขนาดเล็ก ภาพจะคมชัดยิ่งขึ้น โดยแกติความระเอียดจะอยู่ที่ประมาณ 0.25 mm ถึง 0.4 mm


2.  ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ระบบปฎิบัติการคอมพิวเตอร์ ( ปี 2553 )

1.  Microsoft Windows
2.  Ubuntu
3.  Symbian
4.  MAC Address

เฉลย  4

1.  Microsoft Windows เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันมาก
2.  Ubuntu  เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิด ซึ่่งมีพื้นฐานบนลินุกซ์ดิสทริบิวชันที่พัฒนาต่อมาจากเดเบียน
3.  Symbian  เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ พัฒนาโดยบริษัท Symbian Ltd
4.  MAC Address คือ หมายเลขของ Network Card (LAN , Wireless LAN ) ซึ่งหมายเลขจะไม่ซ้ำกัน โดยค่าหมายเลขนี้จะถูกกำหนดคามาจากโรงงานที่ผลิต Network Card


3.  ไฟล์ประเภทใดในข้อใดต่อไปนี้เก็บข้อมูลในลักษณะตัวอักษร ( ปี 2554 )

1.  ไฟล์เพลง MP3 (.mp3)
2.  ไฟล์รูปประเภท JPEG (.jpg)
3.  ไฟล์แสดงผลหน้าเว็บ (.html)
4.  ไฟล์วีดิโอประเภท Movie (.mov)

เฉลย  3 

ไฟล์เสียงได้แก่ .MP3 .avi .wave เป็นต้น ที่นักเรียนฟังเพลง
ไฟล์มัลติมีเดียได้แก่ .mp4 .mpg .avi .mov .wmv พวกไฟล์วีดิโอทั้งหลาย
ไฟล์ภาพได้แก่ .JPG .Gif .PND ในที่นี้ Gif จะคุณภาพต่ำสุด PND จะคมชัดสุด
ส่วนไฟล์ HTML เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมประเภทเว็บไซต์


4.  ข้อใดเป็นการปฎิบัติที่ถูกต้องตามหลักวิชาการเมื่อค้นคว้าหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตมาทำรายงาน ( ปี 2554 )

1.  คัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์
2.  ใช้เนื้อหาจากกระดานสนทนา (web board) มาใส่ในรายงาน
3.  นำรูปภาพจากเว็บไซต์มาใส่ในรายงาน
4.  อ้างอิงชื่อผู้เขียนบทความ

เฉลย  4

การทำรายงาน เมื่อนักเรียนสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตแล้วพบข้อมูลที่ต้องการแล้ว หากมีการนำข้อความหรือข้อมูลจากเว็บไซต์นั้นมาใช้ แล้วก็ควรที่จะมีการสรุปเนื้อหาด้วย และที่สำคัญควรจะอ้างอิงถึงชื่อผู้ที่ให้ข้อมูลเราเป็นการขอบคุณด้วย


5.  ห้องสมุดแห่งหนึ่งต้องการพัฒนาระบบยืมหนังสือโดยสามารถบันทึกข้อมูลการยืนยันหนังสือลงบนบัตรอิเลคโทรนิคส์โดยไม่ต้องเขียนด้วยมือ ระบบนี้ควรใช้เทคโนโลยีในข้อใด ( ปี 2554 )

1.  Smart Card
2.  Fingerprint
3.  Barcode
4.  WIFI

เฉลย  3

Smart Card  ก็พวกบัตรต่างๆ เครดิต เอทีเอ็ม
Fingerprint  เป็นระบบแสกนลายนิ้วมือ
Barcode       ก็ใช้เครื่องยิงไปที่แถบบาร์โค๊ดเพื่ออ่านข้อมูลแบบห้องสมุดโรงเรียนเรา
WIFI            ระบบอินเตอร์เน็ตไร้สาย


อ้างอิง : http://www.wanyai.ac.th/OnetT6.pdf
           http://kittbeneiei.blogspot.com/2015/07/week-6-o-net-5.html
            (ขอบคุณข้อมูลจากเพื่อนๆและจากเว็บด้วยครับ) ฮ่าๆ