วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Kuroko No Basket

Week 5 : Kuroko No Basket






           ตำนานแห่งทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนมัธยมเทย์โก ที่มีผู้เล่นสุดแข็งแกร่ง 5 คน พวกเขาได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะ Generation of Miracles หรือ ทีมแห่งปาฏิหารย์ หลังจากที่พวกเขาจบการศึกษาจากโรงเรียนนี้แล้ว ต่างแยกย้ายไปเรียนในโรงเรียนที่มีทีมบาสเกตบอลชั้นนำ แต่มีผู้รู้ไม่กี่คนว่าความจริงแล้วยังมีผู้เล่นอีกคนในทีม เขาเปรียบเสมือนเงาของทีม อย่าง คุโรโกะ เท็ตซึยะ ที่ได้มาเป็นสมาชิกคนที่ 6 ในทีมบาสเก็ตบอลที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเท่าไหร่ อย่าง โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เพื่อเป้าหมายพิชิตทั่วประเทศให้จงได้ ซึ่งต้องห้ำหั่นกับ นักบาสระดับเทพท้ง 5 คนที่กระจัดกระจาย ไปยังโรงเรียนต่างๆ นี่เอง คือตำนานบทใหม่ของนักบาสระดับเทพ คนนี้


ตัวละครหลัก


คุโรโกะ เท็ตสึยะ

เด็กหนุ่มน้องใหม่โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน อดีตสมาชิกคนที่ 6 ของรุ่นปาฏิหาริย์แห่งโรงเรียนมัธยมเทย์โค เป็นคนเงียบๆ สุขุม เยือกเย็น ไม่ค่อยมีใครสนใจ แต่เขากลับเป็นอาวุธลับของโรงเรียนเซย์ริน ในอดีตแม้ว่าเขาจะเป็นสมาชิกคนสำคัญของ ทีมแห่งปาฏิหาริย์ แต่เขานั้นแตกต่างจากเพื่อนร่วมทีมเก่า เขาไม่เป็นที่รู้จัก เพราะเขาเปรียบเสมือน "เงา" ของทีม 





           คางามิ ไทกะ

ด็กหนุ่มอารมณ์ร้อน เป็นคนไม่ค่อยสนใจใคร น้องใหม่โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เขามีพรสวรรค์ตามธรรมชาติเและมีประสบการณ์เล่นบาสเก็ตบอลจากอเมริกา คางามิมีความสามารถในการทำอาหารเพราะส่วนใหญ่จะอยู่ตัวคนเดียวเพราะพ่อของเขายังทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่ถูกโรคกับสุนัขเพราะโดนสุนัขกัดตอนอยู่ที่อเมริกา 



  ฮิวงะ จุนเปย์

รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน รับหน้าที่กัปตันทีมบาสเก็ตบอล เป็นตัวชู้ตทำคะแนนในช่วงสถานการณ์ขับขัน และเวลาที่ลำบากเข้าตาจน ความสามารถของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ฮิวกะคลั่งไคล้ในการสะสมพวกหุ่นโมเดลจำลองของนักรบญี่ปุ่นสมัยสงครามเป็นอย่างมาก




อิสึกิ ชุน

รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน นิสัยสงบเสงี่ยม ไม่ค่อยตกใจอะไรง่ายๆ จึงเป็นตัวคุมเกมส์ที่ดี เปรียบเสมือนเสาหลักทางด้านจิตใจ เขามีสายตาเปรียบดังนกอินทรีย์ (อีเกิลอายส์) สามารถวิเคราะห์เกมส์และตำแหน่งของผู้เล่นแต่ละคนของทั้งสองฝ่าย และด้วยเหตุนี้เองทำให้เขามีความชำนาญในการวางแผนจัดการกับผู้เล่นคนอื่นๆ ในฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งยังชอบเล่นมุกคำพ้องเสียงที่มักจะแป้กอยู่เสมอๆ



คิโยชิน เทปเปย์ 

รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เป็นเซ็นเตอร์และผู้ก่อตั้งชมรมบาสเก็ตบอลเซย์ริน คิโยชิเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี(จนเกินไป) แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีความพยายามแม้จะรู้ตัวเองจะต้องแพ้ก็ตามเหมือนกับคุโรโกะ





รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เขาทำอะไรได้หลายอย่างแม้ว่าเขาจะไม่เก่งในเรื่องใดๆโดยเฉพาะ แต่เขาก็สามารถชู้ตลูกได้หลายระยะแม้จะขาดความแม่นยำไปบ้างก็ตาม



มิโตเบะ รินโนะสุเกะ

รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน ผู้เล่นที่แข็งแกร่ง และทักษะการป้องกันที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าเขาจะไม่พูด ไม่บ่น และไม่มีใครเคยได้ยินเสียงของเขาก็ตามแต่เพื่อนร่วมทีม และโดยส่วนมากแล้วชินจิจะเป็นผู้แปลคำพูดของรินโนะสุเกะให้เพื่อนๆในทีมมากกว่า


image

ไอดะ ริโกะ

รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เธอเป็นโค้ชทีมบาสเกตบอลผู้มีความสามารถสแกนและประเมินความสามารถทางกายภาพของผู้เล่นได้อย่างรวดเร็ว เธอได้รับความสามารถนี้จากการไปทำงานกับพ่อที่เป็นผู้ฝึกสอนด้านกีฬา เธอมักใช้เวลาค้นคว้าหาข้อมูลและวิจัยความแข็งแกร่งของทีมอื่นๆ เพื่อวางแผนกลยุทธ์ให้กับลูกทีม แม้เธอจะชาญฉลาด แต่ก็มีอารมณ์ที่อ่อนไหวเหมือนกัน ฝีมือทำอาหารค่อนข้างแย่



   คิเสะ เรียวตะ

อดีต 1 ในสมาชิกของรุ่นปาฎิหารย์ มีความสามารถในการลอกเลียนแบบท่าต่างๆและเพิ่มประสิทธิภาพของท่านั้นๆ มักคิดว่าตนเองสนิทกับคุโรโกะที่สุด(แต่คุโรโกะก็ปฏิเสธตลอด) เคยชักชวนให้คุโรโกะย้ายไปเข้าทีมบาสโรงเรียนไคโจแต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธ ในอดีต สมัยช่วงม.ต้นมักจะชอบท้าแข่งกับอาโอมิเนะอยู่เป็นประจำ ปัจจุบันเป็นเอสของทีมชมรมบาสโรงเรียนไคโจ คิเสะเกลียดไส้เดือน และมักจะถูกคนในทีมแกล้งอยู่บ่อยๆ นอกจากนั้นยังเป็นนายแบบอีกด้วย ชอบกินซุปหัวหอมกราแตงมาก และชอบลงท้ายชื่อคนอื่นว่า "จิ" เสมอถ้าเขายอมรับ ยกเว้นพวกรุ่นพี่



คาซามัตสึ ยูกิโอ

รุ่นพี่ปี 3 กัปตันแห่งชมรมบาสโรงเรียนไคโจ เป็นคนที่ให้ความสำคัญในเรื่องการให้ความเคารพรุ่นพี่มาก ไม่ชอบเวลาที่สมาชิกในทีมของตนทำท่าทางที่ดูเหมือนไม่จริงจังกับการแข่ง โดยเฉพาะคิเสะที่มักจะโดนถีบใส่บ่อยสุด




มิโดริมะ ชินทาโร่

อดีต 1 ในสมาชิกของรุ่นปาฏิหาริย์ มีความสามารถในการชู้ตลูกลงห่วงได้ไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงตำแหน่งไหนของสนาม โดยถือคติทำลูก 3 แต้มเท่านั้น (พื้นที่นอกครึ่งวงกลมใต้แป้น) มิโดริมะมักจะพกของนำโชค หรือลัคกี้ไอเท็มอยู่เป็นประจำ ถ้าวันไหนไม่ได้พกจะถือว่าดวงซวยมากๆ เวลาพูดจะชอบพูดลงท้ายว่า "นาโนดาโยะ" มิโดริมะเป็นคนที่ไม่ค่อยถูกกับคุโรโกะมากๆ เพราะกรุ๊ปเลือดต่าง(คุโรโกะเลือดกรุ๊ป A เชื่อว่ากรุ๊ป A และ B เข้ากันไม่ได้) และทัศนคติต่อบาสที่ต่างกัน เขาเป็นคนที่ปากไม่ค่อยตรงกับใจ(และปากแข็งด้วย) แต่ลึกๆก็เป็นคนใจดี พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่นหากเดือดร้อนตามแบบของเขา เพราะเหตุนี้ทำให้เขามักโดนทาคาโอะแกล้งตลอด เขาสนิทกับอาคาชิที่สุดในทีมตอนสมัยเทย์โค เพราะเป็นรองกัปตัน และใช้เวลาว่างเล่นโชงิด้วยกันเสมอ มีน้องสาวอยู่ 1 คน



ทาคาโอะ คาซึนาริ

ปี 1 ทีมบาสโรงเรียนชูโตคุ คู่หูของมิโดริมะ มีความสามารถเหมือนอีเกิลอายส์ของอิซึกิ ชุน แห่งทีมเซย์ริน แต่ความสามารถของทาคาโอะเหนือกว่าเพราะมีสายตาที่มีความเฉียบคมดั่งเหยี่ยว (ฮอว์คอายส์) ทำให้มองเห็นการเคลื่อนไหวของคุโรโกะได้ชัดเจน ทาคาโอะเป็นคนร่าเริง เฮฮา ชอบล้อเลียนมิโดริมะ และมักจะเป็นเบ๊คอยปั่นซาเล้งให้มิโดริมะเป็นประจำ มีน้องสาวอยู่ 1 คนเหมือนมิโดริมะ เวลาว่างชอบนั่งสะสมการ์ด



อาโอมิเนะ ไดกิ

อดีต 1 ในสมาชิกของรุ่นปาฏิหาริย์ เป็นผู้เล่นที่เก่งกาจขนาดคางามิยังโค่นไม่ลง อาโอมิเนะเคยเป็นแสงให้คุโรโกะสมัยตอนอยู่โรงเรียนเทย์โค และเป็นคนที่คิเสะนับถือ แต่พอขึ้นชั้นมัธยมปลายกลับนิสัยแย่ลง เกเร ชอบดูถูกเหยียดหยามคู่แข่ง ความสามารถของอาโอมิเนะคือความเร็ว และร่างกายที่ยืดหยุ่น ถนัดเล่นเกมเร็ว และมักเล่นบาสสไตล์ไร้รูปแบบ ทำให้ป้องกันได้ยาก



โมโมอิ ซัทซึกิ

ผู้จัดการชมรมบาสเก็ตบอลโรงเรียนโทโอและโรงเรียนเทย์โคในอดีต โมโมอิมีความสามารถในการหาข้อมูลเกี่ยวกับทักษะและความสามารถของทีมคู่แข่ง เพื่อนำมาวิเคราะห์เพื่อเป็นประโยชน์แก่สมาชิกในทีม เนื่องจากเป็นโมโมอิเพื่อนสมัยเด็กกับอาโอมิเนะที่เติบโตมากับบาส จึงทำให้ซึมซับความรู้เกี่ยวกับเรื่องบาสเก็ตบอล นอกจากนั้นโมโมอิยังแอบชอบคุโรโกะอยู่อีกด้วย





อดีต 1 ในสมาชิกของรุ่นปาฏิหาริย์ มีนิสัยขี้เกียจ มีร่างกายที่สูงใหญ่ที่สุดในรุ่นปาฏิหาริย์ และเพราะมีร่างกายที่ใหญ่โตทำให้สามารถป้องกันการทำแต้มของคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย มุราซากิบาระชื่นชอบขนมเป็นที่สุด มักจะพกห่อขนมติดตัวอยู่เสมอ แม้เขาจะอยู่ชมรมบาสและได้ลงแข่งเป็นตัวจริง แต่เขามักจะพูดว่าตนนั้นเกลียดบาสเก็ตบอลที่สุด มุราซากิบาระมีพี่ชาย 3 คนและพี่สาว 1 คน



ฮิมุโระ ทัตสึยะ

คู่หูของมุราซากิบาระ ฮิมุโระสมัยที่อยู่อเมริกาได้พบเจอกับคางามิและเป็นได้ชักชวนคางามิเล่นสตรีทบาส ด้วยความที่คางามินั้นยังพูดภาษาองักฤษไม่ค่อยได้เลยสนิทกับฮิมุโระมาก นับแต่นั้นคางามิก็นับถือฮิมุโระเป็นพี่ชาย แต่ฮิมุโระกลับอิจฉาคางามิที่มีพรสวรรค์เรื่องบาสเป็นอย่างมาก ความสามารถของฮิมุโระคือการลอกลวงคู่แข่ง ทำให้คู่แข่งติดกับได้อย่างสมบูรณ์



อดีต 1 ในสมาชิกของรุ่นปาฏิหาริย์ และเป็นกัปตันทีมของรุ่นปาฏิหาริย์ รวมทั้งเป็นกัปตันทีมของราคุซัน อาคาชิมีความสามารถสูงในทุกด้าน เขาไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกของการพ่ายแพ้เลยสักครั้ง สมัยเทย์โคอาคาชิสนิทกับมิโดริมะมากที่สุด เพราะชอบเล่นโชงิด้วยกันเวลาว่าง ความสามารถของอาคาชิคือการมองเห็นการเคลื่อนไหวของคู่แข่งล่วงหน้า ทำให้การป้องกันและการบุกของคู่แข่งไม่เป็นผล เรียกว่า "Emperor Eye (เนตรจักรพรรดิ)" นอกจากนี้คนที่ค้นพบความสามารถของคุโรโกะก็คืออาคาชิ


เราก็รู้จักตัวละครกันพอสมควรแล้ว มาชม Kuroko No Basket ภาค 1-3 กันดีกว่า ^^

Kuroko No Basket 1-2




Kuroko No Basket 3




Top 10 Kuroko no Basket Plays







อ้างอิง : https://th.wikipedia.org/wiki/คุโรโกะ_นายจืดพลิกสังเวียนบาส
              http://www.tigatime.com/cartoon_details.php?cartoon_id=172
              http://www.metalbridges.com/kuroko-no-basuke/
              ( ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ ) ^w^






วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ (Java)


Week 4 : โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ (Java)



Java คืออะไร

     Java หรือ Java programming language คือภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ พัฒนาโดย เจมส์ กอสลิง และวิศวกรคนอื่นๆ ที่บริษัท ซัน ไมโครซิสเต็มส์ ภาษานี้มีจุดประสงค์เพื่อใช้แทนภาษาซีพลัสพลัส C++ โดยรูปแบบที่เพิ่มเติมขึ้นคล้ายกับภาษาอ็อบเจกต์ทีฟซี (Objective-C) แต่เดิมภาษานี้เรียกว่า ภาษาโอ๊ก (Oak) ซึ่งตั้งชื่อตามต้นโอ๊กใกล้ที่ทำงานของ เจมส์ กอสลิง แล้วภายหลังจึงเปลี่ยนไปใช้ชื่อ "จาวา" ซึ่งเป็นชื่อกาแฟแทน จุดเด่นของภาษา Java อยู่ที่ผู้เขียนโปรแกรมสามารถใช้หลักการของ Object-Oriented Programming มาพัฒนาโปรแกรมของตนด้วย Java ได้ 
     ภาษา Java เป็นภาษาสำหรับเขียนโปรแกรมที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ ( OOP : Object-Oriented Programming) โปรแกรมที่เขียนขึ้นถูกสร้างภายในคลาส ดังนั้นคลาสคือที่เก็บเมทอด (Method) หรือพฤติกรรม (Behavior) ซึ่งมีสถานะ (State) และรูปพรรณ (Identity) ประจำพฤติกรรม (Behavior) 

รูปแบบของภาษา Java
       ภาษา Java เป็นภาษาที่ไม่กำหนดแบบการเขียนโปรแกรม ในแต่ละบรรทัด แต่ละบรรทัดสามารถเขียนคำสั่งได้หลายคำสั่งสามารถแทรกคำอธิบาย (comment) Java เป็นภาษาที่บังคับอักขระตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวพิมพ์เล็ก (Case Sensitiv) Java มีตัวดำเนินการ(operators) หลายชนิด ให้ใช้งานนอกจากคำสั่งนั้นเป็นคำสั่งที่ผู้ใช้สร้างขึ้นมาใหม่ อาจกำหนดเป็นตัวพิมพ์ใหญ่หรือตัวเล็กก็ได้ และสามารถเขียนชุดคำสั่งที่ประกอบด้วยตัวดำเนินการหลายตัวที่ต่างชนิดกันในชุดคำสั่งหนึ่งๆได้ โดยภาษา Java จะจัดลำดับการประมวลผลตามลำดับการทำงานของตัวดำเนินการ
       รูปแบบคำสั่ง(statements) Java คือ ส่วนประมวลผล(Execute) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมา ทุกคำสั่งจะต้องจบด้วยเครื่องหมาย เซมิโคลอน( ; )
จุดเด่นของภาษา Java
–  ความง่าย (simple)
–  ภาษาเชิงออปเจ็ค (object oriented)
–  การกระจาย (distributed)
–  การป้องกันการผิดพลาด (robust)
–  ความปลอดภัย (secure)
–  สถาปัตยกรรมกลาง (architecture neutral)
–  เคลื่อนย้ายง่าย (portable)
–  อินเตอร์พ์พรีต (interpreted)
–  ประสิทธิภาพสูง (high performance)
–  มัลติเธรด (multithreaded)
–  พลวัต (dynamic)

รูปแบบของ script
ในการเขียน script สามารถเขียน โดยในรูปแบบที่ 1 ได้โดยไม่ต้องระบุภาษาก็ได้ แต่ต้องเขียน tag ของ script ดังรูป
<Script>
JavaScript statements;
</Script>
<Script>
document.write(‘kittisak’);
</Script>
ในการเขียน script ตามรูปแบบที่ 2 โดยระบุภาษาเป็น javascript และเขียนใน tag ของ script ดังรูป
<Script Language=”JavaScript”>
JavaScript statements;
</Script>
การคำสั่งแสดงผล single quote (‘ ‘)
ในการเขียนการแสดงผลข้อมูลที่อยู่หลังคำสั่ง document นั้นสามารถเขียนใช้เครื่องหมายในแบบ single quote (‘ ‘) ก็ได้ดังรูป
<Script Language=”JavaScript”>
document.write(‘kittisak’);
</Script>
การใช้ HTML ร่วมกับ script ขึ้นบรรทัดใหม่ โดยใช้ <br>
การกำหนดให้ขึ้นบรรทัดใหม่ ส่วนใหญ่จะใช้รูปแบบของ tag HTML คือ <br> โดยการใส่ไว้หลังคำสั่ง document อาจจะเป็นข้างหน้า หรือข้างหลังก็ได้
<Script Language=”JavaScript”>
document.write(‘kittisak<br;
document.write(‘<fontlor=”red”>khampud</font>’);
</Script>
Source Code
ใน Java จะมี Source Code เป็น File ที่มีนามสกุล เป็น *.java เมื่อ ผ่านการ Compile แล้วจะมี File เพิ่มมาเป็น File ที่มีนามสกุลเป็น *.class  System.out.println  (“….” ); เป็นคำสั่งที่ใช้การแสดงตัวอักษรซอร์สโค้ดโปรแกรมจาวาอยู่ในแฟ้มที่มีนามสกุล  java

ข้อดีของ ภาษา Java

     -  ภาษา Java เป็นภาษาที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุแบบสมบูรณ์ ซึ่งเหมาะสำหรับพัฒนาระบบที่มีความซับซ้อน การพัฒนาโปรแกรมแบบวัตถุจะช่วยให้เราสามารถใช้คำหรือชื่อ ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในระบบงานนั้นมาใช้ในการออกแบบโปรแกรมได้ ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
     -  โปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยใช้ภาษา Java จะมีความสามารถทำงานได้ในระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน ไม่จําเป็นต้องดัดแปลงแก้ไขโปรแกรม เช่น หากเขียนโปรแกรมบนเครื่อง Sun โปรแกรมนั้นก็สามารถถูก compile และ run บนเครื่องพีซีธรรมดาได้
     -ภาษาจาวามีการตรวจสอบข้อผิดพลาดทั้งตอน compile time และ runtime ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในโปรแกรม และช่วยให้ debug โปรแกรมได้ง่าย
     - ภาษาจาวามีความซับซ้อนน้อยกว่าภาษา C++ เมื่อเปรียบเทียบ code ของโปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยภาษา Java กับ C++ พบว่า โปรแกรมที่เขียนโดยภาษา Java จะมีจํานวน code น้อยกว่าโปรแกรมที่เขียนโดยภาษา C++ ทำให้ใช้งานได้ง่ายกว่าและลดความผิดพลาดได้มากขึ้น 
     -  ภาษาจาวาถูกออกแบบมาให้มีความปลอดภัยสูงตั้งแต่แรก ทำให้โปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยจาวามีความปลอดภัยมากกว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้น ด้วยภาษาอื่น เพราะ Java มี security ทั้ง low level และ high level ได้แก่ electronic signature, public andprivate key management, access control และ certificatesของ
     -มี IDE, application server, และ library ต่าง ๆ มากมายสำหรับจาวาที่เราสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับการซื้อ tool และ s/w ต่าง ๆ

 ข้อเสียของ ภาษา Java

    -ทำงานได้ช้ากว่า native code (โปรแกรมที่ compile ให้อยู่ในรูปของภาษาเครื่อง) หรือโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาอื่น อย่างเช่น C หรือ C++ ทั้งนี้ก็เพราะว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาจาวาจะถูกแปลงเป็นภาษากลาง ก่อน แล้วเมื่อโปรแกรมทำงานคำสั่งของภาษากลางนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นภาษาเครื่องอีก ทีหนึ่ง ทีล่ะคำสั่ง (หรือกลุ่มของคำสั่ง) ณ runtime ทำให้ทำงานช้ากว่า native code ซึ่งอยู่ในรูปของภาษาเครื่องแล้วตั้งแต่ compile  โปรแกรมที่ต้องการความเร็วในการทำงานจึงไม่นิยมเขียนด้วยจาวา
    -tool ที่มีในการใช้พัฒนาโปรแกรมจาวามักไม่ค่อยเก่ง ทำให้หลายอย่างโปรแกรมเมอร์จะต้องเป็นคนทำเอง ทำให้ต้องเสียเวลาทำงานในส่วนที่ tool ทำไม่ได้ ถ้าเราดู tool ของ MS จะใช้งานได้ง่ายกว่า และพัฒนาได้เร็วกว่า (แต่เราต้องซื้อ tool ของ MS และก็ต้องรันบน platform ของ MS)


อ้างอิง : http://www.mindphp.com/คู่มือ/73-คืออะไร/2185-java-คืออะไร.html
           https://th.wikipedia.org/wiki/ภาษาจาวา
            https://nongtha57.wordpress.com/ความเป็นมา-java/ 
            (ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ ^^)

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Social Network กับนักเรียน และสังคมไทย



Week 3 : Social Network กับนักเรียน และสังคมไทย






               
      ในปัจจุบันสื่อประเภทใหม่ที่เข้ามามีอิทธิพลกับสังคมไทยอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีชื่อว่า Social network 
ทุกคนคงสงสัยว่า Social network คืออะไร แล้วเข้ามีอิทธิพลอย่างไร อย่างที่ปรากฏในข่าวต่างๆ ในประเทศไทยพึ่งเคยเกิดขึ้นหรือเคยเกิดขึ้นมานานแล้วแต่สังคมไทยไม่เคยที่จะเรียนรู้จากปัญหาที่เคย
เกิดขึ้นมาในอดีตหรือเปล่า แล้วมีวิธี แก้ไข ป้องกัน อิทธิพลของ Social network คือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์  ระบบที่มีคอมพิวเตอร์อย่างน้อยกว่าสองเครื่องเชื่อมต่อกันโดยใช้สื่อ กลาง และสามารถ
สื่อสารข้อมูลกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันได้


Social Network คืออะไร
   โซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือ Social Network คือเครือข่ายสังคมออนไลน์  หรือการที่ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตคนหนึ่ง เชื่อมโยงกับเพื่อนอีกนับสิบ รวมไปถึงเพื่อนของเพื่อนอีกนับร้อย  ผ่านผู้ให้บริการด้านโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) บนอินเตอร์เน็ต เช่น Facebook, Blogger, Hi5, Twitter หรือ Tagged เป็นต้น (บางเว็บไซต์ที่กล่าวถึงในตัวอย่าง ปัจจุบันนี้ได้เสื่อมความนิยมแล้ว)  การเชื่อมโยงดังกล่าว ทำให้เกิดเครือข่ายขึ้น เช่น เราสามารถรู้จักเพื่อนของเพื่อนเราได้  เป็นทอดๆ ต่อไปเรื่อย  ทำให้เกิดสังคมเสมือนจริงขึ้นมา  สามารถสร้างคอนเน็คชั่นใหม่ๆ ได้ง่าย  และเมื่อเราแชร์ (Share) ข้อความหรืออะไรก็ตามลงไปในเครือข่าย  ทุกคนในเครือข่ายก็สามารถรับรู้ได้พร้อมกัน  และสามารถตอบสนองต่อสิ่งที่เราแชร์ได้  เช่น  แสดงความคิดเห็น (Comment)  กดไลค์ (Like) ซึ่งอาจจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละผู้ให้บริการ  ความโดดเด่นในเรื่องความง่ายของโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) ทำให้ธุรกิจ และนักการตลาดสนใจที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์สินค้า และบริการ

โซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) 
ตามรูปแบบ แบ่งได้เป็น

1. Blog หรือ บล็อก คือเว็บไซต์รูปแบบหนึ่ง มาจากคำว่า Weblog (Website + Log) ซึ่งคำว่า Log ในที่นี้หมายถึง “ปูม” ดังนั้น Blog จึงมีลักษณะเป็นเว็บไซต์ที่จัดเก็บข้อมูลด้วยวิธีเดียวกับปูม  มีการเรียงลำดับตามวันที่บันทึก  ข้อมูลใหม่ที่ Post จะอยู่บนสุด  ส่วนข้อมูลเก่าจะอยู่ล่างสุด  โดยบล็อกสมัยนี้ไม่ได้อยู่ลำพังเดี่ยวๆ แต่มีลักษณะเป็น Community ที่รวบรวม Blog หลายๆ Blog เข้าไว้ด้วยกัน  สามารถเชื่อมโยงผู้เขียน (Blogger) ได้เป็นสังคมขนาดใหญ่  ในขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงผู้อ่านไว้กับผู้เขียนได้  โดยสามารถคอมเม้นต์บทความ  ติดตาม  หรือกดโหวตได้ เช่น Blogger เป็นต้น
2. ไมโครบล็อก (Microblog) เป็นเว็บไซต์ขนาดเล็ก ใช้สำหรับส่งข้อความสั้นๆ ไม่กี่ประโยค เพื่อบอกถึงสถานการณ์ และความเป็นไป ไมโครบล็อกที่มีผู้นิยมใช้บริการ เช่น Twitter
3. โซเชียลเน็ตเวิร์คเว็บไซต์ (Social Network Website) คือเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสังคมออนไลน์โดยเฉพาะ เช่น Facebook, Linkedin, Myspace, Hi5 เป็นต้น เว็บพวกนี้มีจุดเด่นที่การแชร์คอนเท้นต์ ทั้งข้อความ รูปภาพ และวีดีโอ บางเว็บรวมไปถึงบทความ เพลง และลิ้งค์  นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชั่นในการแสดงความรู้สึก หรือมีส่วนร่วม เช่น การกดไลค์ (Like) การโหวต การอภิปราย (Discuss) และการแสดงความคิดเห็น เป็นต้น
4. เว็บโซเชียลบุ๊คมาร์ค (Bookmark Social Site) เป็นเว็บที่ให้เราเก็บหน้าเว็บ หรือเว็บไซต์ที่เราชื่นชอบ เพื่อเอาไว้เข้าชมทีหลัง แต่พอมาเป็นโซเชียลไซต์ เราจะสามารถแชร์ URL ของหน้าเว็บเหล่านั้น รวมถึงดูว่าคนอื่นเก็บหน้าเว็บอะไรไว้บ้าง เข้าชม และแสดงความคิดเห็นต่อหน้าเว็บต่างๆ ได้

ข้อดี - ข้อเสีย ของ Social Network
       
       ในโลกไซเบอร์ก็เหมือนสังคมรอบข้างตัวเรา มีใส่หน้ากาก กัดกันข้างหลัง มีนิสัยดี นิสัยชั่ว มีการสงสัย การระวังคนรอบข้าง มีหมดทุกอย่าง เพราะมันเป็นธรรมดาของโลก แต่เราจะสามารถคัดกรองกลุ่มคนยังไงได้นั้น ก็ต้องใช้สติปัญญาในการวิเคราะห์ หรือพิจารณา คนที่เราคิดว่าน่าจะเป็นคนดี สักวันหนึ่งอาจจะกลับกลายเป็นคนชั่วไปก็เป็นได้ ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นแน่นอน เพียงแต่เราจะมองโลกในแง่บวก หรือแง่ลบ เท่านั้นเอง เช่นเดียวกับเหรียญที่มี 2 ด้านเสมอก็เฉกเช่นเดียวกับคนที่มีทั้งคนดีและคนชั่ว และใน Social Network ก็เช่นเดียวกัน ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย



อ้างอิง : http://prajuk52334223.blogspot.com/2011/12/social-network.html
             http://www.microbrand.co/social-network-คืออะไร-ใช้งานอย่างไร/
(ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ ^^ )
             

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

มาทำความรู้จัก สองสาว วง jayesslee





Week 2 : มาทำความรู้จัก สองสาว วง jayesslee





    เจนิส และ โซเนีย ลี (Janice – Sonia Lee) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เจย์เอสลี” (Jayesslee)พวกเธออายุเพียง 24 ปี  เป็นฝาแฝดกัน โดยมีเชื้อสายเกาหลี แต่เติบโตที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ถึงแม้พวกเธอจะไม่ได้มีวงกับค่ายดังใดๆ แต่เธอทั้งสองก็แจ้งเกิดได้จากโลกไซเบอร์ หรือ youtube ไม่ได้แพ้ศิลปินนักร้องที่มีชื่อเสียงคนอื่นเลย
    โดยคลิปแรกที่โพสลง Youtube ของสองสาววง Jayesslee พวกเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะเริ่มเล่นจริงจัง แค่อยู่สองคนที่บ้าน ใส่ชุดนอน เปิดดู youtube แล้วเห็นคนอื่น cover เพลงแล้วโพสคลิปของตัวเองเลยอย่างทำบ้าง
     พวกเธอเริ่มเล่นดนตรีด้วยกันสองคนหลังจากจบ ม. ปลายแล้ว แล้วอยากหาอะไรที่ทำด้วยกันแล้วมีความสุข จึงเล่นกีตาร์ร้องเพลงด้วยกัน
      เธอให้สัมภารณ์ถึงสิ่งที่ทำให้พวกเธอแตกต่างจากวงอื่นว่าพวกเธอมีตัวตนหน้ากล้องและหลังกล้องเหมือนกัน ทำให้ดูเป็นตัวของตัวเอง อีกทั้งเธอยังเป็นฝาแฝดกันอีกด้วย

       ถ้าใครยังไม่รู้จัก วง jayeslee อยากให้เพื่อนๆลองฟังกันดู แล้วเพื่อนๆจะรู้สึกเหมือนผม ^^

ฟังเพลง cover ของ Jayesslee 


PAYPHONE | MAROON 5 (Jayesslee Cover)



PRICE TAG | JESSIE J (Jayesslee Cover)




JUST THE WAY YOU ARE | BRUNO MARS (Jayesslee Cover)





I WON'T GIVE UP | JASON MRAZ (Jayesslee Cover)



อ้างอิง : http://www.guchill.com/ทำความรู้จัก-jayesslee ( ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆแบบดีครับ ^^ )

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของนักเรียน


          Week 1 : เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของนักเรียน


        

                             หากพูดถึงเทคโนโลยีในทุกวันนี้ก็ต้องยอมรับว่ามันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ ฯลฯ เพราะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำรงชีวิตเป็นอย่างมากและได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานได้เป็นอย่างดี
          
         เราจึงขาดเทคโนโลยีไม่ได้ มาดู 10 อันดับของเทคโนโลยีที่ขาดไม่ได้กันดีกว่าว่ามีอันไหนที่เพื่อนๆขาดไม่ได้กันบ้าง

10 อันดับของเทคโนโลยีที่ขาดไม่ได้

1. Computer - ขาดเธอเหมือนขาดใจ ทุกสิ่งในชีวิตชั้นอยู่กับเธอ ขี้เกียจสาธยายเพราะมันมีทุกอย่างจริงๆ



2. Flash drive - ต้องใช้คู่กันเพราะคอมชั้นห่วยต้องพึ่งคอมชาวบ้านเขาตลอด มีจุเยอะยิ่งเก็บข้อมูลได้เยอะขึ้นมากเลย ใช้มาตั้งกะรุ่น 256 MB ตอนขยับไปใช้ 2 GB แล้ว แต่ก็ยังเหมือนไม่จุใจพอ อนาคตอาจจะมีถึง 16 GB ก็ได้ใครจะรู้




3. Nintendo Wii & Playstation Portable (PSP) - หากไม่ได้ใช้คอมรองลงมาก็สิ่งนี้แหละ...ที่เป็นความบันเทิงใจ PSP ใช้เล่นเน็ตได้บ้าง แต่ตอนซื้อลืมไปว่ามันใช้ภาษาไทยไม่ได้ฉะนั้นก็เข้าได้แต่เว็บภาษาอังกฤษล่ะนะ แต่ก็สู้ใช้คอมจริงๆ ไม่ได้อยู่ดี รองลงไปก็เกม DS เกมในคอมไม่ได้เล่นนานมากแล้ว เพราะใช้ทำธุระล้านแปด ไม่มีเวลามานั่งเล่นเกมในคอมหรอก...เสียเวลา


4. TV โทรทัศน์ - หากมี wifi แต่ไม่มีทีวีจะเล่นได้ไหมล่ะ? ไว้ใช้ดูหนัง+การ์ตูนด้วย ไม่ค่อยใช้ดูรายการตามปกติเท่าไหร่ ถ้าเปิดก็ไม่ลืมรายการโมเดิร์นไนน์การ์ตูน กับแก็งค์การ์ตูนแน่


5. เครื่องเล่น DVD - คนในบ้านใช้ดูหนังกันเป็นส่วนใหญ่ แต่เราไว้ใช้ฟังเพลงมากที่สุด เพราะคุณเธอขยันโหลด MP3 มาฟังเหลือเกิน เก็บไว้ฟังในคอมอย่างเดียวไม่พอแน่ ถ้าอยู่ใกล้ๆ ก็เปิดฟังตลอด  แล้วก็ใช้ดูการ์ตูนใช้ยามที่รู้สึกว่าดูการ์ตูนในทีวีแล้วไม่สะใจ ส่วนหนัง...ไว้พ่อยืมคนอื่นมาถึงจะได้ดู

 




6. ตู้เย็น - เป็นคนกินเก่ง ที่เก็บเสบียงประจำบ้านจึงสำคัญมาก น้ำเย็นๆ ชื่นใจ กับ Pepsi Max สุดซ่าก็ขาดไม่ได้

  


7. Microwave - ปกติไม่ค่อยเห็นค่า แต่ตอนมันเจ๊งถึงได้รู้ว่า...ชีวิตมันช่างยากลำบากกับการจัดหาอาหารเหลือเกิน


8. พัดลม - เพราะขี้ร้อนมั้ง ปกติเป็นคนไม่ใช้แอร์จนกว่าจะหมดความอดทน เธอจึงเป็นของขาดไปแล้วจะร้อนรนมาก



9. มือถือ - อืมม์...สำหรับคนอื่นคงสำคัญ แต่เราไม่อ่ะ...ที่ใช้ชั่วคราวอยู่นี่ก็ของพ่อ ของตัวเองพอหายก็ขี้เกียจจะมีใหม่ ปกติก็ไม่ได้ใช้โทรคุยกับใครให้คุ้มกับค่าโทร.เล้ย...ยยย ตอนไม่มีก็รู้สึกจำเป็นเฉพาะเวลาเร่งด่วนเท่านั้น ปกติก็คงมีไว้ใช้ถ่ายรูปกับฟังเพลงเท่านั้นแหละ...




10. หม้อหุงข้าว - ถึงไม่มีก็ไม่น่าเป็นไร  เพราะกินข้าวบ้านคนอื่นประจำ ไม่ช่าย...เพราะข้าวซื้อกินเอาได้ แต่คนในบ้านจะชอบให้หุงเอาไว้เสมอๆ พอเหลือก็ใส่ตู้เย็น ยามจะกินก็อุ่นใน'เวฟเอา


อ้างอิง : http://my.dek-d.com/nox69/blog/?blog_id=10045013 
( ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ ^^ )