วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Hardwell

Week 9 : เรื่องที่นักเรียนสนใจ





ชื่อจริงของเขาคือ Robbert van de Corput  (เกิด 7 มกราคม 1988) ดีเจและโปรดิวเซอร์เพลง เขาเป็นดีเจอันดับที่ 1ของโลกเลยทีเดียวดีเจอยู่บนพื้นฐานของการสำรวจความคิดเห็นประจำปียอด 100 ดีเจนิตยสาร และเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายสำหรับชุดชีวิตของเขาที่งานเทศกาลดนตรีที่สำคัญเช่น Tomorrowland และอัลตร้าวิดีโอสตรีมของการแสดงของเขาในช่องทางส่วนตัวของเขาได้รวบรวมรวมกว่า 80 ล้านครั้ง Hardwell รับการยอมรับเป็นครั้งแรกในปี 2009 สำหรับเพลงเถื่อน(อาจจะเป็นเพลงใต้ดิน)กับ  “Show Me Love vs. Be” เขาก่อตั้งค่ายเพลงบันทึกเปิดเผยในปี 2010 และการแสดงของเขาเองวิทยุและพอดคาสต์, Hardwell บนอากาศในปี 2011. เขาได้ออกอัลบั้มสี่รวบรวมผ่านป้ายของเขาเช่นเดียวกับที่ภาพยนตร์สารคดีของเขาเองตั้งแต่ Hardwell ได้ระบุไว้ว่าเขากำลังทำงานในอัลบั้มเปิดตัวสตูดิโอของเขาที่คาดว่าจะได้รับการปล่อยตัวในปี 2014 บางครั้ง




ในช่วงต้นของชีวิต Early life
Robbert van de Corput  เกิดวันที่ 7 มกราคม 1988 ในเบรดา, เนเธอร์แลนด์ที่เขาเติบโตขึ้นเป็นอย่างดี เขาเริ่มต้นการเรียนรู้การเล่นเปียโนคลาสสิกเมื่อเขาอายุเพียงสี่ขวบและ DJing เมื่อเขาเป็นสิบสอง ตอนอายุสิบสามเขาได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงแรกของเขาและอายุสิบสี่เขาเริ่ม DJing ที่คลับที่มีชื่อเสียงทั่วประเทศเนเธอร์แลนด์. แต่พ่อแม่ของเขาต้องพี่เลี้ยงในขณะที่เขาไม่ได้รับอนุญาตเข้ามาในสโมสร ในวัยเด็ก เป็นเด็กเขาเข้าเรียนที่โรงเรียนดนตรีที่มุ่งเน้นและร็อคอะคาเดมี่ สามเดือนต่อมาเขาได้รับการแนะนำให้เลิกและจะมีอาชีพในเพลงได้ทันที เขามักจะอ้างถึงเพื่อนเบรดาพื้นเมืองTiëstoเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาและให้คำปรึกษา


มาดูผลงานเพลงของ Hardwell กันดีกว่า ^^



Hardwell feat. Matthew Koma - Dare You (Official Music Video)

Hardwell feat. Harrison - Sally (Official Music Video)





Hardwell feat. Amba Shepherd - Apollo (Official Music Video)






Hardwell feat. Jonathan Mendelsohn - Echo (Official Music Video)


ชอบกันหรือป่าวครับ? ^^ 

มีความคิดเห็นยังไงก็บอกกันได้นะครับ ^_^






อ้างอิง : https://mcblackwhite.wordpress.com/2014/05/17/เรามาทำความรู้จักหนุ่ม/














วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

แนะนำการใช้งาน CCleaner

Week 8 : แนะนำการใช้งานโปรแกรม

          Hello!!! My friend อย่างที่รู้ๆกัน ผมจะมาแนะนำโปรแกรมหนึ่งที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ^^

แต่สำหรับใครที่ไม่รู้จักก็มารับชมกันว่าโปรแกรมนี้คืออะไร -0-




          สำหรับเหตุผลที่ผมเลือก CCleaner มารีวิว เพราะเป็นแอพที่มีชื่อเสียงบนคอมพิวเตอร์ Windows และจากการใช้งานจริงบนมือถือ แอพนี้ทำงานได้ดี ฟรี และ ไม่มีโฆษณา โปรแกรมนี้รองรับทั้ง Android , ios , Windows และ Mac ผมชอบมากๆเลยล่ะ กดไลค์เลยๆ อิอิ ^^

CCleaner ทำหน้าที่อะไร ? 

          CCleaner  ทำหน้าที่ค้นหาและลบไฟล์ชั่วคราวรวมทั้งขยะที่โปรแกรมต่างๆ ทิ้งไว้ในเครื่องได้อย่างหมดจด *0* 

ปลอยภัยหรือป่าว ?

          ก่อนการลบไฟล์หรือค่าต่างๆ ในเครื่ือง CCleaner จะตรวจสอบก่อนว่าเป็นไฟล์ที่ไม่จำเป็นจริงๆ ทำให้ไม่ต้องห่วงว่าโปรแกรมจะลบไฟล์สำคัญๆ ของเครื่องไป CCleaner เป็นโปรแกรมที่สะอาด ไม่มี Spyware หรือ Adware ใดๆทั้งสิ้น

มีหลายภาษาด้วยนะ ^w^

            CCleaner รองรับการใช้งานได้ถึง 35 ภาษา แม้จะยังไม่มีภาษาไทยก็ตาม ภาษาที่รองรับมีดังนี้คือ English, Albanian, Arabic, Bosnian, Bulgarian, Catalan, Chinese (Simplified), Chinese (Traditional), Czech/Slovak, Danish, Dutch, Finnish, French, Galician, German, Greek, Hebrew, Hungarian, Italian, Japanese, Korean, Lithuanian, Macedonian, Norwegian, Polish, Portuguese, Portuguese (Brazilian), Romanian, Russian, Serbian Cyrillic, Serbian Latin, Slovak, Spanish, Swedish and Turkish.

งั้นเรามาลบไฟล์ขยะด้วย CCleaner กันดีกว่าาา!!!!



                                            1.  เปิดแอพขึ้นมาแล้วกด "วิเคราะห์"

CCleaner



2.  กดเลือกไฟล์ที่ต้องการลบ แล้วกด "ล้าง"

CCleaner


ไฟล์ขยะที่เหลือก็จะหายไป!!!!

โอ้โหหห~ สุดยอดป่าวๆ 555555


แล้วคุณสมบัติอื่นๆล่ะ!!!??

1.  ใช้ดูข้อมูลระบบของเครื่อง

CCleaner



2. ใช้ลบแอพ 0.0

CCleaner



3.  สามารถเพิ่มเป็นวิดเจทบนหน้าจอ โดยกดครั้งเดียวแอพจะลบแคช คลิปบอร์ด ประวัติ ท่องเว็บ และเคลียร์แรม (ว่าใช้ง่ายแล้ว มีวิดเจทยิ่งง่ายกว่า โอ้โหหหห!!!!)

CCleaner

เป็นไงกันบ้างครับสำหรับโปรแกรมนี้ๆ ^^

ชอบโปรแกรมนี้เหมือนผมหรือป่าว?? (ถ้าชอบแสดงว่าใจเราตรงกันน้าา -///-)

ใครมีความคิดเห็นอะไรก็อย่าลืมมาแนะนำหรือแสดงความคิดเห็นข้างล่างกันเลยย






อ้างอิง  :  http://www.trendypda.com/modules/news/article.php?storyid=604

                http://android.maahalai.com/2015/03/review-ccleaner-delete-file/







           



วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คอมและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

Week 7 : คอมและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์



คอมพิวเตอร์ 
           
         คอมพิวเตอร์มาจากภาษาละตินว่า Computare ซึ่งหมายถึง การนับ หรือ การคำนวณ  พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า "เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์" คอมพิวเตอร์จึงเป็นเครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทำงานแทนมนุษย์ ในด้านการคิดคำนวณและสามารถจำข้อมูล ทั้งตัวเลขและตัวอักษรได้เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป  นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบัติตามขั้นตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยังมีความสามารถในด้านต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลในตัวเครื่องและสามารถประมวลผลจากข้อมูลต่างๆ ได้

เครือข่ายคอมพิวเตอร์

    เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (computer network) เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงเข้าด้วยกันเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลทรัพยากรร่วมกันได้ เช่น สามารถใช้เครื่องพิมพ์ร่วมกัน สามารถใช้ฮาร์ดดิสก์ร่วมกัน แบ่งปันการใช้อุปกรณ์อื่นๆ ที่มีราคาแพงหรือไม่สามารถจัดหาให้ทุกคนได้แม้กระทั่งสามารถใช้โปรแกรมร่วมกันได้เป็นการลดต้นทุนขององค์กรเครือข่ายคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทตามพื้นที่ที่ครอบคลุมการใช้งานของเครือข่าย ดังนี้

    1) เครือข่ายส่วนบุคคล หรือแพน (Personal Area Network : PAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้ส่วนบุคคล เช่น การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มือถือ การเชื่อมต่อพีดีเอกับเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งการเชื่อมต่อแบบนี้จะอยู่ในระยะใกล้ และมีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย


    2) เครือข่ายเฉพาะที่ หรือแลน (Local Area Network: LAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เช่น ภายในบ้าน ภายในสำนักงาน และภายในอาคาร สำหรับการใช้งานภายในบ้านนั้นอาจเรียกเครือข่ายประเภทนี้ว่า เครือข่ายที่พักอาศัย (home network) ซึ่งอาจใช้การเชื่อมต่อแบบใช้สายหรือไร้สาย



    3) เครือข่ายนครหลวง หรือแมน (Metropolitan Area Network : MAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้เชื่อมโยงแลนที่อยู่ห่างไกลออกไป  เช่น  การเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างสำนักงานที่อาจอยู่คนละอาคารและมีระยะทางไกลกัน  การเชื่อมต่อเครือข่ายชนิดนี้อาจใช้สายไฟเบอร์ออพติก หรือบางครั้งอาจใช้ไมโครเวฟเชื่อมต่อ เครือข่ายแบบนี้ใช้ในสถานศึกษามีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเครือข่ายแคมปัส (Campus Area Network: CAN


    4) เครือข่ายวงกว้าง หรือแวน  (Wide Area Network: WAN)  เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมโยงกับเครือข่ายอื่นที่อยู่ไกลกันมาก เช่น เครือข่ายระหว่างจังหวัด หรือระหว่างภาครวมไปถึงเครือขายระหว่างประเทศ




1. ลักษณะของเครือข่าย ในการใช้งานเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ทรัพยากรร่วมกันสามารถแงลักษณะของเครือข่ายตามบทบาทของเครื่องคอมพิวเตอร์ในการสื่อสารได้ดังนี้

    1) เครือข่ายแบบรับ-ให้บริการหรือไคลเอนท์/เซิร์ฟเวอร์ (client-server network) จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นเครื่องให้บริการต่างๆ  เช่น  บริการเว็บ  และบริการฐานข้อมูล  การให้บริการขึ้นกับการร้องขอบริการจากเครื่องรับบริการ  เช่น  การเปิดเว็บเพจ  เครื่องรับบริการจะร้องขอบริการไปที่เครื่องบริการเว็บ  จากนั้นเครื่องให้บริการเว็บจะตอบรับและส่งข้อมูลกลับมาให้เครื่องรับบริการ ข้อดีของระบบนี้คือสามารถให้บริการแก่เครื่องรับบริการได้เป็นจำนวนมาก  ข้อด้อยคือระบบนี้มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและการบำรุงรักษาค่อนข้างสูง  ตัวอย่างเครือข่ายแบบรับ-ให้บริการ 



   2) เครือข่ายระดับเดียวกัน (Peer-to-Peer network : P2P network) เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเป็นได้ทั้งเครื่องให้บริการและเครื่องรับบริการในขณะเดียวกัน การใช้งานส่วนใหญ่มักใช้ในการแบ่งปันข้อมูล เช่น เพลง ภาพยนตร์ โปรแกรม และเกม เครือข่ายแบบนี้เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตการใช้งานจะมีซอฟต์แวร์เฉพาะ เช่น โปรแกรม eDonkey, BitTorrent และ LimeWire ข้อดีของระบบแบบนี้คือง่ายต่อการใช้งาน และราคาไม่แพง ข้อด้อยคือไม่มีการควบคุมเรื่องความปลอดภัย จึงอาจพบว่าถูกนำไปใช้ประโยชน์ในทางไม่ถูกต้อง เช่น การแบ่งปันเพลง ภาพยนตร์ และโปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ตัวอย่างเครือข่ายระดับเดียวกัน 



2. รูปร่างเครือข่าย การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์รับส่งข้อมูลที่ประกอบกันเป็นเครือข่ายที่มีการเชื่อมโยงถึงกันในรูปแบบต่างๆ ตามลักษณะทางกายภาพที่เรียกว่ารูปร่างเครือข่าย (network topology) โดยทั่วไปรูปร่างเครือข่ายสามารถแบ่งออกตามลักษณะของการเชื่อมต่อได้ 4 รูปแบบคือ

    1) เครือข่ายแบบบัส (bus topology) เป็นรูปแบบที่มีโครงสร้างไม่ยุ่งยาก สถานีทุกสถานีในเครือข่ายจะเชื่อมต่อเข้ากับสายสื่อสารหลักเพียงสายเดียวที่เรียกว่า บัส (bus) การจัดส่งข้อมูลลงบนบัสจึงไปถึงทุกสถานีได้ ซึ่งการจัดส่งวิธีนี้ต้องกำหนดวิธีการที่จะไม่ให้ทุกสถานีส่งข้อมูลพร้อมกันเพราะจะทำให้เกิดการชนกัน (collison) ของข้อมูล โดยวิธีการที่ใช้อาจเป็นการแบ่งช่วงเวลาหรือให้แต่ละสถานีใช้คลื่นความถี่ในการส่งสัญญาณที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามเครือข่ายแบบบัส ไม่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบัสเพียงจุดเดียวก็จะส่งผลให้ทุกอุปกรณ์ไม่สามารถสื่อสารถึงกันได้เลย รูปร่างเครือข่ายแบบบัส 



    2) เครือข่ายแบบวงแหวน (ring topology) เป็นการเชื่อมแต่ละสถานีเข้าด้วยกันแบบวงแหวน สัญญาณข้อมูลจะส่งอยู่ในวงแหวนไปในทิศทางเดียวกันจนถึงผู้รับ หากข้อมูลที่ส่งเป็นของสถานีใด สถานีนั้นก็รับไว้ ถ้าไม่ใช่ก็ส่งต่อไป ซึ่งระบบเครือข่ายแบบวงแหวนนี้ สามารถรองรับจำนวนสถานีได้เป็นจำนวนมาก ข้อด้อยของเครือข่ายแบบวงแหวน คือ สถานีจะต้องรอจนถึงรอบของตนเอง ก่อนที่จะสามารถส่งข้อมูลได้ รูปร่างเครือข่ายแบบวงแหวน 




    3) เครือข่ายแบบดาว (star topology) เป็นการเชื่อมต่อสถานีในเครือข่าย โดยทุกสถานีจะต่อเข้ากับหน่วยสลับสายกลาง เช่น ฮับ (hub) หรือสวิตซ์ (switch) ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อระหว่างสถานีต่างๆ ที่ต้องการติดต่อกัน ของดีของการเชื่อมต่อแบบดาว คือ ถ้าสถานีใดเสีย หรือสายเชื่อมต่อระหว่างฮับ/สวิตซ์กับสถานีใดชำรุด ก็จะไม่กระทบกับการเชื่อมต่อของสถานีอื่น ดังนั้นการเชื่อมต่อแบบนี้จึงเป็นที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน รูปร่างเครือข่ายแบบดาว 



    4) เครือข่ายแบบแมช (mesh topology) เป็นรูปแบบของการเชื่อมต่อที่มีความนิยมมากและมีประสิทธิภาพสูงเนื่องจากถ้ามีเส้นทางของการเชื่อมต่อคู่ใดคู่หนึ่งขาดจากกัน การติดต่อสื่อสารระหว่างคู่นั้นยังสามารถติดต่อได้โดยอุปกรณ์จัดเส้นทาง (router) จะทำการเชื่อมต่อเส้นทางใหม่ไปยังจุดหมายปลายทางอัตโนมัติ การเชื่อมต่อแบบนี้มักนิยมสร้างบนเครือข่ายแบบไร้สาย รูปร่างเครือข่ายแบบแมช 




อ้างอิง : http://www.jinan.co.th/computer.html
              https://sites.google.com/site/kruyutsbw/4-4-kherux-khay-khxmphiwtexr
             ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ ^^

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วิเคราะห์ข้อสอบ O-net คอมพิวเตอร์

Week 6 : วิเคราะห์ข้อสอบ O-net คอมพิวเตอร์




1.  ความละเอียดของจอภาพสามารถบอกได้ด้วยปัจจัยในข้อใด ( ปี 2550 )

1.  CRT
2.  Dot pitch
3.  Refresh rate
4.  Color quality

เฉลย  2

Dot pitch คือ ระยะห่างระหว่างพิกเซลหรือระยะห่างระหว่างจุดสี ถ้าระยะห่างน้อย ด็อดมีขนาดเล็ก ภาพจะคมชัดยิ่งขึ้น โดยแกติความระเอียดจะอยู่ที่ประมาณ 0.25 mm ถึง 0.4 mm


2.  ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ระบบปฎิบัติการคอมพิวเตอร์ ( ปี 2553 )

1.  Microsoft Windows
2.  Ubuntu
3.  Symbian
4.  MAC Address

เฉลย  4

1.  Microsoft Windows เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันมาก
2.  Ubuntu  เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิด ซึ่่งมีพื้นฐานบนลินุกซ์ดิสทริบิวชันที่พัฒนาต่อมาจากเดเบียน
3.  Symbian  เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ พัฒนาโดยบริษัท Symbian Ltd
4.  MAC Address คือ หมายเลขของ Network Card (LAN , Wireless LAN ) ซึ่งหมายเลขจะไม่ซ้ำกัน โดยค่าหมายเลขนี้จะถูกกำหนดคามาจากโรงงานที่ผลิต Network Card


3.  ไฟล์ประเภทใดในข้อใดต่อไปนี้เก็บข้อมูลในลักษณะตัวอักษร ( ปี 2554 )

1.  ไฟล์เพลง MP3 (.mp3)
2.  ไฟล์รูปประเภท JPEG (.jpg)
3.  ไฟล์แสดงผลหน้าเว็บ (.html)
4.  ไฟล์วีดิโอประเภท Movie (.mov)

เฉลย  3 

ไฟล์เสียงได้แก่ .MP3 .avi .wave เป็นต้น ที่นักเรียนฟังเพลง
ไฟล์มัลติมีเดียได้แก่ .mp4 .mpg .avi .mov .wmv พวกไฟล์วีดิโอทั้งหลาย
ไฟล์ภาพได้แก่ .JPG .Gif .PND ในที่นี้ Gif จะคุณภาพต่ำสุด PND จะคมชัดสุด
ส่วนไฟล์ HTML เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมประเภทเว็บไซต์


4.  ข้อใดเป็นการปฎิบัติที่ถูกต้องตามหลักวิชาการเมื่อค้นคว้าหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตมาทำรายงาน ( ปี 2554 )

1.  คัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์
2.  ใช้เนื้อหาจากกระดานสนทนา (web board) มาใส่ในรายงาน
3.  นำรูปภาพจากเว็บไซต์มาใส่ในรายงาน
4.  อ้างอิงชื่อผู้เขียนบทความ

เฉลย  4

การทำรายงาน เมื่อนักเรียนสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตแล้วพบข้อมูลที่ต้องการแล้ว หากมีการนำข้อความหรือข้อมูลจากเว็บไซต์นั้นมาใช้ แล้วก็ควรที่จะมีการสรุปเนื้อหาด้วย และที่สำคัญควรจะอ้างอิงถึงชื่อผู้ที่ให้ข้อมูลเราเป็นการขอบคุณด้วย


5.  ห้องสมุดแห่งหนึ่งต้องการพัฒนาระบบยืมหนังสือโดยสามารถบันทึกข้อมูลการยืนยันหนังสือลงบนบัตรอิเลคโทรนิคส์โดยไม่ต้องเขียนด้วยมือ ระบบนี้ควรใช้เทคโนโลยีในข้อใด ( ปี 2554 )

1.  Smart Card
2.  Fingerprint
3.  Barcode
4.  WIFI

เฉลย  3

Smart Card  ก็พวกบัตรต่างๆ เครดิต เอทีเอ็ม
Fingerprint  เป็นระบบแสกนลายนิ้วมือ
Barcode       ก็ใช้เครื่องยิงไปที่แถบบาร์โค๊ดเพื่ออ่านข้อมูลแบบห้องสมุดโรงเรียนเรา
WIFI            ระบบอินเตอร์เน็ตไร้สาย


อ้างอิง : http://www.wanyai.ac.th/OnetT6.pdf
           http://kittbeneiei.blogspot.com/2015/07/week-6-o-net-5.html
            (ขอบคุณข้อมูลจากเพื่อนๆและจากเว็บด้วยครับ) ฮ่าๆ






  

วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Kuroko No Basket

Week 5 : Kuroko No Basket






           ตำนานแห่งทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนมัธยมเทย์โก ที่มีผู้เล่นสุดแข็งแกร่ง 5 คน พวกเขาได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะ Generation of Miracles หรือ ทีมแห่งปาฏิหารย์ หลังจากที่พวกเขาจบการศึกษาจากโรงเรียนนี้แล้ว ต่างแยกย้ายไปเรียนในโรงเรียนที่มีทีมบาสเกตบอลชั้นนำ แต่มีผู้รู้ไม่กี่คนว่าความจริงแล้วยังมีผู้เล่นอีกคนในทีม เขาเปรียบเสมือนเงาของทีม อย่าง คุโรโกะ เท็ตซึยะ ที่ได้มาเป็นสมาชิกคนที่ 6 ในทีมบาสเก็ตบอลที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเท่าไหร่ อย่าง โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เพื่อเป้าหมายพิชิตทั่วประเทศให้จงได้ ซึ่งต้องห้ำหั่นกับ นักบาสระดับเทพท้ง 5 คนที่กระจัดกระจาย ไปยังโรงเรียนต่างๆ นี่เอง คือตำนานบทใหม่ของนักบาสระดับเทพ คนนี้


ตัวละครหลัก


คุโรโกะ เท็ตสึยะ

เด็กหนุ่มน้องใหม่โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน อดีตสมาชิกคนที่ 6 ของรุ่นปาฏิหาริย์แห่งโรงเรียนมัธยมเทย์โค เป็นคนเงียบๆ สุขุม เยือกเย็น ไม่ค่อยมีใครสนใจ แต่เขากลับเป็นอาวุธลับของโรงเรียนเซย์ริน ในอดีตแม้ว่าเขาจะเป็นสมาชิกคนสำคัญของ ทีมแห่งปาฏิหาริย์ แต่เขานั้นแตกต่างจากเพื่อนร่วมทีมเก่า เขาไม่เป็นที่รู้จัก เพราะเขาเปรียบเสมือน "เงา" ของทีม 





           คางามิ ไทกะ

ด็กหนุ่มอารมณ์ร้อน เป็นคนไม่ค่อยสนใจใคร น้องใหม่โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เขามีพรสวรรค์ตามธรรมชาติเและมีประสบการณ์เล่นบาสเก็ตบอลจากอเมริกา คางามิมีความสามารถในการทำอาหารเพราะส่วนใหญ่จะอยู่ตัวคนเดียวเพราะพ่อของเขายังทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่ถูกโรคกับสุนัขเพราะโดนสุนัขกัดตอนอยู่ที่อเมริกา 



  ฮิวงะ จุนเปย์

รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน รับหน้าที่กัปตันทีมบาสเก็ตบอล เป็นตัวชู้ตทำคะแนนในช่วงสถานการณ์ขับขัน และเวลาที่ลำบากเข้าตาจน ความสามารถของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ฮิวกะคลั่งไคล้ในการสะสมพวกหุ่นโมเดลจำลองของนักรบญี่ปุ่นสมัยสงครามเป็นอย่างมาก




อิสึกิ ชุน

รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน นิสัยสงบเสงี่ยม ไม่ค่อยตกใจอะไรง่ายๆ จึงเป็นตัวคุมเกมส์ที่ดี เปรียบเสมือนเสาหลักทางด้านจิตใจ เขามีสายตาเปรียบดังนกอินทรีย์ (อีเกิลอายส์) สามารถวิเคราะห์เกมส์และตำแหน่งของผู้เล่นแต่ละคนของทั้งสองฝ่าย และด้วยเหตุนี้เองทำให้เขามีความชำนาญในการวางแผนจัดการกับผู้เล่นคนอื่นๆ ในฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งยังชอบเล่นมุกคำพ้องเสียงที่มักจะแป้กอยู่เสมอๆ



คิโยชิน เทปเปย์ 

รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เป็นเซ็นเตอร์และผู้ก่อตั้งชมรมบาสเก็ตบอลเซย์ริน คิโยชิเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี(จนเกินไป) แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีความพยายามแม้จะรู้ตัวเองจะต้องแพ้ก็ตามเหมือนกับคุโรโกะ





รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เขาทำอะไรได้หลายอย่างแม้ว่าเขาจะไม่เก่งในเรื่องใดๆโดยเฉพาะ แต่เขาก็สามารถชู้ตลูกได้หลายระยะแม้จะขาดความแม่นยำไปบ้างก็ตาม



มิโตเบะ รินโนะสุเกะ

รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน ผู้เล่นที่แข็งแกร่ง และทักษะการป้องกันที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าเขาจะไม่พูด ไม่บ่น และไม่มีใครเคยได้ยินเสียงของเขาก็ตามแต่เพื่อนร่วมทีม และโดยส่วนมากแล้วชินจิจะเป็นผู้แปลคำพูดของรินโนะสุเกะให้เพื่อนๆในทีมมากกว่า


image

ไอดะ ริโกะ

รุ่นพี่ปี 2 โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เธอเป็นโค้ชทีมบาสเกตบอลผู้มีความสามารถสแกนและประเมินความสามารถทางกายภาพของผู้เล่นได้อย่างรวดเร็ว เธอได้รับความสามารถนี้จากการไปทำงานกับพ่อที่เป็นผู้ฝึกสอนด้านกีฬา เธอมักใช้เวลาค้นคว้าหาข้อมูลและวิจัยความแข็งแกร่งของทีมอื่นๆ เพื่อวางแผนกลยุทธ์ให้กับลูกทีม แม้เธอจะชาญฉลาด แต่ก็มีอารมณ์ที่อ่อนไหวเหมือนกัน ฝีมือทำอาหารค่อนข้างแย่



   คิเสะ เรียวตะ

อดีต 1 ในสมาชิกของรุ่นปาฎิหารย์ มีความสามารถในการลอกเลียนแบบท่าต่างๆและเพิ่มประสิทธิภาพของท่านั้นๆ มักคิดว่าตนเองสนิทกับคุโรโกะที่สุด(แต่คุโรโกะก็ปฏิเสธตลอด) เคยชักชวนให้คุโรโกะย้ายไปเข้าทีมบาสโรงเรียนไคโจแต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธ ในอดีต สมัยช่วงม.ต้นมักจะชอบท้าแข่งกับอาโอมิเนะอยู่เป็นประจำ ปัจจุบันเป็นเอสของทีมชมรมบาสโรงเรียนไคโจ คิเสะเกลียดไส้เดือน และมักจะถูกคนในทีมแกล้งอยู่บ่อยๆ นอกจากนั้นยังเป็นนายแบบอีกด้วย ชอบกินซุปหัวหอมกราแตงมาก และชอบลงท้ายชื่อคนอื่นว่า "จิ" เสมอถ้าเขายอมรับ ยกเว้นพวกรุ่นพี่



คาซามัตสึ ยูกิโอ

รุ่นพี่ปี 3 กัปตันแห่งชมรมบาสโรงเรียนไคโจ เป็นคนที่ให้ความสำคัญในเรื่องการให้ความเคารพรุ่นพี่มาก ไม่ชอบเวลาที่สมาชิกในทีมของตนทำท่าทางที่ดูเหมือนไม่จริงจังกับการแข่ง โดยเฉพาะคิเสะที่มักจะโดนถีบใส่บ่อยสุด




มิโดริมะ ชินทาโร่

อดีต 1 ในสมาชิกของรุ่นปาฏิหาริย์ มีความสามารถในการชู้ตลูกลงห่วงได้ไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงตำแหน่งไหนของสนาม โดยถือคติทำลูก 3 แต้มเท่านั้น (พื้นที่นอกครึ่งวงกลมใต้แป้น) มิโดริมะมักจะพกของนำโชค หรือลัคกี้ไอเท็มอยู่เป็นประจำ ถ้าวันไหนไม่ได้พกจะถือว่าดวงซวยมากๆ เวลาพูดจะชอบพูดลงท้ายว่า "นาโนดาโยะ" มิโดริมะเป็นคนที่ไม่ค่อยถูกกับคุโรโกะมากๆ เพราะกรุ๊ปเลือดต่าง(คุโรโกะเลือดกรุ๊ป A เชื่อว่ากรุ๊ป A และ B เข้ากันไม่ได้) และทัศนคติต่อบาสที่ต่างกัน เขาเป็นคนที่ปากไม่ค่อยตรงกับใจ(และปากแข็งด้วย) แต่ลึกๆก็เป็นคนใจดี พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่นหากเดือดร้อนตามแบบของเขา เพราะเหตุนี้ทำให้เขามักโดนทาคาโอะแกล้งตลอด เขาสนิทกับอาคาชิที่สุดในทีมตอนสมัยเทย์โค เพราะเป็นรองกัปตัน และใช้เวลาว่างเล่นโชงิด้วยกันเสมอ มีน้องสาวอยู่ 1 คน



ทาคาโอะ คาซึนาริ

ปี 1 ทีมบาสโรงเรียนชูโตคุ คู่หูของมิโดริมะ มีความสามารถเหมือนอีเกิลอายส์ของอิซึกิ ชุน แห่งทีมเซย์ริน แต่ความสามารถของทาคาโอะเหนือกว่าเพราะมีสายตาที่มีความเฉียบคมดั่งเหยี่ยว (ฮอว์คอายส์) ทำให้มองเห็นการเคลื่อนไหวของคุโรโกะได้ชัดเจน ทาคาโอะเป็นคนร่าเริง เฮฮา ชอบล้อเลียนมิโดริมะ และมักจะเป็นเบ๊คอยปั่นซาเล้งให้มิโดริมะเป็นประจำ มีน้องสาวอยู่ 1 คนเหมือนมิโดริมะ เวลาว่างชอบนั่งสะสมการ์ด



อาโอมิเนะ ไดกิ

อดีต 1 ในสมาชิกของรุ่นปาฏิหาริย์ เป็นผู้เล่นที่เก่งกาจขนาดคางามิยังโค่นไม่ลง อาโอมิเนะเคยเป็นแสงให้คุโรโกะสมัยตอนอยู่โรงเรียนเทย์โค และเป็นคนที่คิเสะนับถือ แต่พอขึ้นชั้นมัธยมปลายกลับนิสัยแย่ลง เกเร ชอบดูถูกเหยียดหยามคู่แข่ง ความสามารถของอาโอมิเนะคือความเร็ว และร่างกายที่ยืดหยุ่น ถนัดเล่นเกมเร็ว และมักเล่นบาสสไตล์ไร้รูปแบบ ทำให้ป้องกันได้ยาก



โมโมอิ ซัทซึกิ

ผู้จัดการชมรมบาสเก็ตบอลโรงเรียนโทโอและโรงเรียนเทย์โคในอดีต โมโมอิมีความสามารถในการหาข้อมูลเกี่ยวกับทักษะและความสามารถของทีมคู่แข่ง เพื่อนำมาวิเคราะห์เพื่อเป็นประโยชน์แก่สมาชิกในทีม เนื่องจากเป็นโมโมอิเพื่อนสมัยเด็กกับอาโอมิเนะที่เติบโตมากับบาส จึงทำให้ซึมซับความรู้เกี่ยวกับเรื่องบาสเก็ตบอล นอกจากนั้นโมโมอิยังแอบชอบคุโรโกะอยู่อีกด้วย





อดีต 1 ในสมาชิกของรุ่นปาฏิหาริย์ มีนิสัยขี้เกียจ มีร่างกายที่สูงใหญ่ที่สุดในรุ่นปาฏิหาริย์ และเพราะมีร่างกายที่ใหญ่โตทำให้สามารถป้องกันการทำแต้มของคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย มุราซากิบาระชื่นชอบขนมเป็นที่สุด มักจะพกห่อขนมติดตัวอยู่เสมอ แม้เขาจะอยู่ชมรมบาสและได้ลงแข่งเป็นตัวจริง แต่เขามักจะพูดว่าตนนั้นเกลียดบาสเก็ตบอลที่สุด มุราซากิบาระมีพี่ชาย 3 คนและพี่สาว 1 คน



ฮิมุโระ ทัตสึยะ

คู่หูของมุราซากิบาระ ฮิมุโระสมัยที่อยู่อเมริกาได้พบเจอกับคางามิและเป็นได้ชักชวนคางามิเล่นสตรีทบาส ด้วยความที่คางามินั้นยังพูดภาษาองักฤษไม่ค่อยได้เลยสนิทกับฮิมุโระมาก นับแต่นั้นคางามิก็นับถือฮิมุโระเป็นพี่ชาย แต่ฮิมุโระกลับอิจฉาคางามิที่มีพรสวรรค์เรื่องบาสเป็นอย่างมาก ความสามารถของฮิมุโระคือการลอกลวงคู่แข่ง ทำให้คู่แข่งติดกับได้อย่างสมบูรณ์



อดีต 1 ในสมาชิกของรุ่นปาฏิหาริย์ และเป็นกัปตันทีมของรุ่นปาฏิหาริย์ รวมทั้งเป็นกัปตันทีมของราคุซัน อาคาชิมีความสามารถสูงในทุกด้าน เขาไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกของการพ่ายแพ้เลยสักครั้ง สมัยเทย์โคอาคาชิสนิทกับมิโดริมะมากที่สุด เพราะชอบเล่นโชงิด้วยกันเวลาว่าง ความสามารถของอาคาชิคือการมองเห็นการเคลื่อนไหวของคู่แข่งล่วงหน้า ทำให้การป้องกันและการบุกของคู่แข่งไม่เป็นผล เรียกว่า "Emperor Eye (เนตรจักรพรรดิ)" นอกจากนี้คนที่ค้นพบความสามารถของคุโรโกะก็คืออาคาชิ


เราก็รู้จักตัวละครกันพอสมควรแล้ว มาชม Kuroko No Basket ภาค 1-3 กันดีกว่า ^^

Kuroko No Basket 1-2




Kuroko No Basket 3




Top 10 Kuroko no Basket Plays







อ้างอิง : https://th.wikipedia.org/wiki/คุโรโกะ_นายจืดพลิกสังเวียนบาส
              http://www.tigatime.com/cartoon_details.php?cartoon_id=172
              http://www.metalbridges.com/kuroko-no-basuke/
              ( ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ ) ^w^






วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ (Java)


Week 4 : โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ (Java)



Java คืออะไร

     Java หรือ Java programming language คือภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ พัฒนาโดย เจมส์ กอสลิง และวิศวกรคนอื่นๆ ที่บริษัท ซัน ไมโครซิสเต็มส์ ภาษานี้มีจุดประสงค์เพื่อใช้แทนภาษาซีพลัสพลัส C++ โดยรูปแบบที่เพิ่มเติมขึ้นคล้ายกับภาษาอ็อบเจกต์ทีฟซี (Objective-C) แต่เดิมภาษานี้เรียกว่า ภาษาโอ๊ก (Oak) ซึ่งตั้งชื่อตามต้นโอ๊กใกล้ที่ทำงานของ เจมส์ กอสลิง แล้วภายหลังจึงเปลี่ยนไปใช้ชื่อ "จาวา" ซึ่งเป็นชื่อกาแฟแทน จุดเด่นของภาษา Java อยู่ที่ผู้เขียนโปรแกรมสามารถใช้หลักการของ Object-Oriented Programming มาพัฒนาโปรแกรมของตนด้วย Java ได้ 
     ภาษา Java เป็นภาษาสำหรับเขียนโปรแกรมที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ ( OOP : Object-Oriented Programming) โปรแกรมที่เขียนขึ้นถูกสร้างภายในคลาส ดังนั้นคลาสคือที่เก็บเมทอด (Method) หรือพฤติกรรม (Behavior) ซึ่งมีสถานะ (State) และรูปพรรณ (Identity) ประจำพฤติกรรม (Behavior) 

รูปแบบของภาษา Java
       ภาษา Java เป็นภาษาที่ไม่กำหนดแบบการเขียนโปรแกรม ในแต่ละบรรทัด แต่ละบรรทัดสามารถเขียนคำสั่งได้หลายคำสั่งสามารถแทรกคำอธิบาย (comment) Java เป็นภาษาที่บังคับอักขระตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวพิมพ์เล็ก (Case Sensitiv) Java มีตัวดำเนินการ(operators) หลายชนิด ให้ใช้งานนอกจากคำสั่งนั้นเป็นคำสั่งที่ผู้ใช้สร้างขึ้นมาใหม่ อาจกำหนดเป็นตัวพิมพ์ใหญ่หรือตัวเล็กก็ได้ และสามารถเขียนชุดคำสั่งที่ประกอบด้วยตัวดำเนินการหลายตัวที่ต่างชนิดกันในชุดคำสั่งหนึ่งๆได้ โดยภาษา Java จะจัดลำดับการประมวลผลตามลำดับการทำงานของตัวดำเนินการ
       รูปแบบคำสั่ง(statements) Java คือ ส่วนประมวลผล(Execute) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมา ทุกคำสั่งจะต้องจบด้วยเครื่องหมาย เซมิโคลอน( ; )
จุดเด่นของภาษา Java
–  ความง่าย (simple)
–  ภาษาเชิงออปเจ็ค (object oriented)
–  การกระจาย (distributed)
–  การป้องกันการผิดพลาด (robust)
–  ความปลอดภัย (secure)
–  สถาปัตยกรรมกลาง (architecture neutral)
–  เคลื่อนย้ายง่าย (portable)
–  อินเตอร์พ์พรีต (interpreted)
–  ประสิทธิภาพสูง (high performance)
–  มัลติเธรด (multithreaded)
–  พลวัต (dynamic)

รูปแบบของ script
ในการเขียน script สามารถเขียน โดยในรูปแบบที่ 1 ได้โดยไม่ต้องระบุภาษาก็ได้ แต่ต้องเขียน tag ของ script ดังรูป
<Script>
JavaScript statements;
</Script>
<Script>
document.write(‘kittisak’);
</Script>
ในการเขียน script ตามรูปแบบที่ 2 โดยระบุภาษาเป็น javascript และเขียนใน tag ของ script ดังรูป
<Script Language=”JavaScript”>
JavaScript statements;
</Script>
การคำสั่งแสดงผล single quote (‘ ‘)
ในการเขียนการแสดงผลข้อมูลที่อยู่หลังคำสั่ง document นั้นสามารถเขียนใช้เครื่องหมายในแบบ single quote (‘ ‘) ก็ได้ดังรูป
<Script Language=”JavaScript”>
document.write(‘kittisak’);
</Script>
การใช้ HTML ร่วมกับ script ขึ้นบรรทัดใหม่ โดยใช้ <br>
การกำหนดให้ขึ้นบรรทัดใหม่ ส่วนใหญ่จะใช้รูปแบบของ tag HTML คือ <br> โดยการใส่ไว้หลังคำสั่ง document อาจจะเป็นข้างหน้า หรือข้างหลังก็ได้
<Script Language=”JavaScript”>
document.write(‘kittisak<br;
document.write(‘<fontlor=”red”>khampud</font>’);
</Script>
Source Code
ใน Java จะมี Source Code เป็น File ที่มีนามสกุล เป็น *.java เมื่อ ผ่านการ Compile แล้วจะมี File เพิ่มมาเป็น File ที่มีนามสกุลเป็น *.class  System.out.println  (“….” ); เป็นคำสั่งที่ใช้การแสดงตัวอักษรซอร์สโค้ดโปรแกรมจาวาอยู่ในแฟ้มที่มีนามสกุล  java

ข้อดีของ ภาษา Java

     -  ภาษา Java เป็นภาษาที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุแบบสมบูรณ์ ซึ่งเหมาะสำหรับพัฒนาระบบที่มีความซับซ้อน การพัฒนาโปรแกรมแบบวัตถุจะช่วยให้เราสามารถใช้คำหรือชื่อ ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในระบบงานนั้นมาใช้ในการออกแบบโปรแกรมได้ ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
     -  โปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยใช้ภาษา Java จะมีความสามารถทำงานได้ในระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน ไม่จําเป็นต้องดัดแปลงแก้ไขโปรแกรม เช่น หากเขียนโปรแกรมบนเครื่อง Sun โปรแกรมนั้นก็สามารถถูก compile และ run บนเครื่องพีซีธรรมดาได้
     -ภาษาจาวามีการตรวจสอบข้อผิดพลาดทั้งตอน compile time และ runtime ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในโปรแกรม และช่วยให้ debug โปรแกรมได้ง่าย
     - ภาษาจาวามีความซับซ้อนน้อยกว่าภาษา C++ เมื่อเปรียบเทียบ code ของโปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยภาษา Java กับ C++ พบว่า โปรแกรมที่เขียนโดยภาษา Java จะมีจํานวน code น้อยกว่าโปรแกรมที่เขียนโดยภาษา C++ ทำให้ใช้งานได้ง่ายกว่าและลดความผิดพลาดได้มากขึ้น 
     -  ภาษาจาวาถูกออกแบบมาให้มีความปลอดภัยสูงตั้งแต่แรก ทำให้โปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยจาวามีความปลอดภัยมากกว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้น ด้วยภาษาอื่น เพราะ Java มี security ทั้ง low level และ high level ได้แก่ electronic signature, public andprivate key management, access control และ certificatesของ
     -มี IDE, application server, และ library ต่าง ๆ มากมายสำหรับจาวาที่เราสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับการซื้อ tool และ s/w ต่าง ๆ

 ข้อเสียของ ภาษา Java

    -ทำงานได้ช้ากว่า native code (โปรแกรมที่ compile ให้อยู่ในรูปของภาษาเครื่อง) หรือโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาอื่น อย่างเช่น C หรือ C++ ทั้งนี้ก็เพราะว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาจาวาจะถูกแปลงเป็นภาษากลาง ก่อน แล้วเมื่อโปรแกรมทำงานคำสั่งของภาษากลางนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นภาษาเครื่องอีก ทีหนึ่ง ทีล่ะคำสั่ง (หรือกลุ่มของคำสั่ง) ณ runtime ทำให้ทำงานช้ากว่า native code ซึ่งอยู่ในรูปของภาษาเครื่องแล้วตั้งแต่ compile  โปรแกรมที่ต้องการความเร็วในการทำงานจึงไม่นิยมเขียนด้วยจาวา
    -tool ที่มีในการใช้พัฒนาโปรแกรมจาวามักไม่ค่อยเก่ง ทำให้หลายอย่างโปรแกรมเมอร์จะต้องเป็นคนทำเอง ทำให้ต้องเสียเวลาทำงานในส่วนที่ tool ทำไม่ได้ ถ้าเราดู tool ของ MS จะใช้งานได้ง่ายกว่า และพัฒนาได้เร็วกว่า (แต่เราต้องซื้อ tool ของ MS และก็ต้องรันบน platform ของ MS)


อ้างอิง : http://www.mindphp.com/คู่มือ/73-คืออะไร/2185-java-คืออะไร.html
           https://th.wikipedia.org/wiki/ภาษาจาวา
            https://nongtha57.wordpress.com/ความเป็นมา-java/ 
            (ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ ^^)